Last updated: 2 ก.ค. 2568 | 22 จำนวนผู้เข้าชม |
ในยุคที่โรคติดเชื้อและไวรัสกลายเป็นเรื่องใกล้ตัว ผู้บริโภคและผู้ประกอบการต่างมองหาน้ำยาฆ่าเชื้อที่เชื่อถือได้ แต่ท่ามกลางตัวเลือกมากมายในท้องตลาด คำถามคือ น้ำยาฆ่าเชื้อแบบไหนที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัย?
หนึ่งในแบรนด์ที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ CHEMGENE HLD4H จากอังกฤษ ซึ่งมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไปในท้องตลาด บทความนี้จะพาคุณไปดูความแตกต่างที่สำคัญแบบเจาะลึก
รายการเปรียบเทียบ | CHEMGENE HLD4H | น้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป |
---|---|---|
ฆ่าเชื้อไวรัสใน 1 นาที | ✔ ทดสอบแล้ว (EN14476, มหิดล) | ✖ บางตัวต้องใช้เวลา 510 นาที |
ความปลอดภัยต่อผู้ใช้ | ✔ ไม่มีฟีนอล ไม่ระคายผิว/หายใจ | ✖ บางยี่ห้อมีแอลกอฮอล์แรง/ฟีนอล |
ผ่านการรับรองระดับสากล | ✔ NHS อังกฤษ, มหิดล, Intertek | ✖ ส่วนใหญ่มาตรฐานไม่ชัดเจน |
การใช้งานในโรงพยาบาล/สนามบิน | ✔ ใช้จริงในสนามบิน-ศูนย์โควิด | ✖ มักใช้เฉพาะในบ้านทั่วไป |
ป้องกันได้นานสูงสุด 14 วัน | ✔ ฟิล์มเคลือบผิว ฆ่าเชื้อระยะยาว | ✖ ต้องพ่นใหม่ทุกวันหรือหลังใช้งาน |
ความเข้มข้นในการผสมน้ำ | ✔ ใช้ได้ถึง 1:200 (ประหยัด) | ✖ ส่วนใหญ่ต้องใช้แบบเข้มข้น |
ความเหมาะสมกับ ULV Fogger | ✔ พ่นด้วย ULV ได้ ไม่อุดหัวพ่น | ✖ บางยี่ห้อมีฟอง หรือกัดหัวพ่น |
ผ่านการทดสอบ EN 1276 และ EN 14476 โดยใช้เชื้อจริง เช่น Coronavirus, Norovirus, RSV และ เชื้อดื้อยา
ไม่มีส่วนผสมของ ฟีนอล หรือแอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูง ลดความเสี่ยงระคายเคืองหากสัมผัส หรือใช้ในบริเวณสัตว์เลี้ยง
สามารถผสมเจือจางได้ถึง 1:200 โดยยังคงประสิทธิภาพฆ่าเชื้อ 99.999% ซึ่งน้ำยาทั่วไปมักใช้ได้แค่ 1:20 หรือไม่สามารถเจือจางได้เลย
สนามบินสุวรรณภูมิ
ศูนย์ฉีดวัคซีน COVID19
โรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน
หน่วยพ่น ULV ตามบ้านและอาคารสำนักงาน
ไม่มีข้อมูลการทดสอบเชิงลึกหรือเลขรับรอง
ใช้สารเคมีแรงที่อาจกัดพื้นผิวหรือสร้างไอระเหยอันตราย
ต้องใช้งานแบบเข้มข้น สิ้นเปลืองในระยะยาว
พ่นในพื้นที่อาหารหรือฟาร์มอาจมีสารตกค้าง
หากคุณกำลังพิจารณาน้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัย ใช้งานได้หลากหลาย และผ่านการรับรองอย่างแท้จริง CHEMGENE HLD4H คือคำตอบที่แตกต่างจากน้ำยาทั่วไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย หรือการประหยัดต้นทุน