เมื่อระดับน้ำลดลง สิ่งที่ตามมาจาก บ้านหลังน้ำท่วม คือ เชื้อโรค เชื้อรา กลิ่นอับ สารเคมีตกค้าง รวมถึงยุงลายที่เป็นพาหะโรค หากทำความสะอาดผิดวิธี อาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีภูมิแพ้ หรือผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ
บทความนี้จะพาคุณเรียนรู้วิธี ทำความสะอาดฆ่าเชื้อบ้านหลังน้ำท่วมอย่างถูกต้องและปลอดภัย ตั้งแต่เชื้อโรคที่ควรระวัง อุปกรณ์ที่จำเป็น ไปจนถึงวิธีฟื้นฟูบ้านให้น่าอยู่เหมือนเดิม
ทำไมต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบ้านหลังน้ำท่วม?
หลังน้ำลด บ้านจะเต็มไปด้วยสิ่งที่ตามน้ำมาด้วย เช่น
- แบคทีเรีย เช่น E.coli, Salmonella
- ไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบเอ, โรคมือเท้าปาก
- เชื้อราและสปอร์
- โคลน สิ่งปฏิกูล และน้ำเสีย
- ยุงลายและลูกน้ำ
- กลิ่นอับและสารเคมีปนเปื้อน
เชื้อเหล่านี้สามารถทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร, ผิวหนังอักเสบ, ภูมิแพ้กำเริบ และปัญหาระบบหายใจได้
การ ฆ่าเชื้อที่ถูกต้องจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด เพราะแม้บ้านจะแห้งและดูสะอาด แต่เชื้อโรคยังคงหลงเหลืออยู่บนพื้น ผนัง เฟอร์นิเจอร์ และอากาศภายในบ้าน
ขั้นตอนทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วมให้ปลอดภัย 100%
1) เตรียมอุปกรณ์ป้องกันก่อนเริ่มทำงาน
เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรคโดยตรง ควรใส่:
- ถุงมือยาง
- หน้ากากกันเชื้อ (N95 หรือ KN95)
- รองเท้าบูทกันน้ำ
- ชุดกันสารปนเปื้อน (Coverall)
2) เปิดประตูหน้าต่าง ระบายอากาศ 30 นาที
ช่วยลดความชื้น กลิ่นอับ และลดปริมาณเชื้อราในอากาศก่อนเริ่มทำงาน
3) เก็บโคลน ขยะ และน้ำเสียออกจากพื้นที่
ควรใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวหรือเครื่องฉีดน้ำแรงดัน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของเชื้อโรค
4) ล้างพื้นและผนังด้วยน้ำสะอาดผสมผงซักฟอก
ขั้นตอนนี้ช่วยกำจัดคราบสกปรกก่อนการฆ่าเชื้อ
5) ฆ่าเชื้อพื้นผิวด้วยน้ำยามาตรฐานสากล
แนะนำ: ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ผ่านการรับรอง เช่น
- CHEMGENE HLD4H (ฆ่าเชื้อไวรัสใน 1 นาที คงประสิทธิภาพบนพื้นผิวได้นาน)
- น้ำยาที่มีมาตรฐาน EN / EPA / ผ่านการทดสอบจากสถาบันทางการแพทย์
อัตราผสมที่ปลอดภัย: 1:100 1:200 ตามความสกปรกของพื้นผิว
ควรเน้นบริเวณที่สัมผัสบ่อย เช่น
- มือจับประตู
- โต๊ะ เก้าอี้
- ห้องครัว
- ห้องน้ำ
- เตียงนอนและเฟอร์นิเจอร์ผ้า (ต้องใช้วิธีเฉพาะ)
การกำจัดเชื้อราและความชื้น ป้องกันภูมิแพ้กำเริบ
น้ำท่วมทำให้ความชื้นสูง และเชื้อราจะเกิดภายใน 2448 ชั่วโมง
วิธีป้องกันและกำจัดเชื้อรา
- ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ฆ่าเชื้อราโดยเฉพาะ
- ใช้เครื่องโอโซนเพื่อฆ่าสปอร์เชื้อราในอากาศ
- เปิดพัดลมและเครื่องลดความชื้น
- ทิ้งเฟอร์นิเจอร์ผ้าที่ไม่สามารถทำให้แห้ง 100% ได้
ฆ่าเชื้ออากาศในบ้านด้วยเทคโนโลยีที่ปลอดภัยกว่า
แม้พื้นผิวสะอาดแล้ว แต่อากาศในบ้านยังหลงเหลือเชื้อโรค ละอองเชื้อรา และกลิ่นอับ
เทคโนโลยีที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
1) ULV Fogging การพ่นละอองฝอยฆ่าเชื้อ
- ละอองขนาด 520 ไมครอน
- กระจายทั่วถึงแม้ในซอกมุม
- ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อมาตรฐานโรงพยาบาล
2) Ozone Sterilization การอบโอโซนฆ่าเชื้อและกำจัดกลิ่น
- ทำลายเชื้อโรคและเชื้อราในอากาศ
- ลดกลิ่นอับ กลิ่นจากน้ำเสีย
- ไม่ทิ้งสารตกค้าง
เหมาะสำหรับบ้านที่เพิ่งผ่านน้ำท่วมและมีความชื้นสูง
จุดสำคัญที่ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษหลังน้ำท่วม
1) ห้องน้ำและท่อน้ำเสีย
เชื้อโรคสะสมมากที่สุด ต้องใช้ น้ำยาฆ่าเชื้อเกรดการแพทย์
2) ห้องครัวและพื้นที่อาหาร
ควรทิ้งอุปกรณ์ที่แช่น้ำเป็นเวลานาน เช่น เขียงไม้ ฟองน้ำล้างจาน
3) ที่นอน โซฟา ผ้าม่าน
เป็นแหล่งสะสม ไรฝุ่น + เชื้อรา
ควรใช้บริการ:
- ดูดไรฝุ่นระบบน้ำ (SIRENA)
- อบโอโซน
- พ่นฆ่าเชื้อเฉพาะจุด
เมื่อไหร่ควรเรียกทีมผู้เชี่ยวชาญมาช่วยฆ่าเชื้อ?
ควรใช้บริการมืออาชีพเมื่อ
- บ้านมีน้ำขังเกิน 24 ชั่วโมง
- พบเชื้อราปริมาณมาก
- มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อาศัยในบ้าน
- ไม่แน่ใจว่าบริเวณใดมีสารปนเปื้อน
- มีกลิ่นอับที่ไม่หายแม้ทำความสะอาดแล้ว
บริการจากมืออาชีพจะช่วยให้:
- ฆ่าเชื้อได้ทั่วถึง
- ปลอดภัยจากน้ำยามาตรฐานสากล
- อุปกรณ์ ULV / โอโซนเกรดโรงพยาบาล
- ทีมงานผ่านการอบรมด้านความปลอดภัย
สรุป บ้านหลังน้ำท่วมต้อง ทำความสะอาด + ฆ่าเชื้อ + ฟื้นฟูอากาศ
การทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วมไม่ใช่แค่ล้างพื้นให้สะอาด แต่ต้องเน้นเรื่อง การฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี ปลอดภัย และครอบคลุมทั้งพื้นผิวอากาศ
- ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อคุณภาพตามมาตรฐาน
- กำจัดเชื้อราให้หมด
- ฟื้นฟูอากาศด้วย ULV / โอโซน
- ใช้อุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง
- หากบ้านเสียหายมาก ควรให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแล
การฆ่าเชื้อที่ถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงโรคติดต่อ ภูมิแพ้ และทำให้บ้านกลับมาน่าอยู่ได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง